Jump Crypto: จาก Wall Street สู่ Blockchain

by:HashSleuth2025-8-7 11:9:6
1.5K
Jump Crypto: จาก Wall Street สู่ Blockchain

เริ่มต้นจากจักรวรรดิอัลกอริธึม

ปี 1999 สามนักลงทุนในชิคาโกไม่ได้เพียงเปิดบริษัทเท่านั้น — เขาได้สร้างปรัชญาใหม่ขึ้นมาระดับหนึ่ง: การแข่งขันด้วยความเร็ว ในโลกของการซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์ การได้เปรียบเพียงไมโครวินาทีกลายเป็นศาสนาของ Jump Trading

ผ่านไปหลายปี สัญญาณเดียวกันนี้กำลังขับเคลื่อนปฏิวัติทางการเงินครั้งใหม่บนบล็อกเชน

ฉันเคยเห็นรูปแบบเดียวกันมาก่อน: เมื่อตลาดเข้าสู่ยุคดิจิตอล อัลกอริธึมไม่ได้วาดแผนตามหลัง — มันนำหน้าเสมอ

Jump Crypto ไม่ได้เข้ามาช้าในโลกคริปโต เพราะพวกเขาอยู่ตรงหน้ามาโดยตลอด เพียงแต่มองเห็นในรูปแบบใหม่

“ตลาดเล่นสนุกกลายเป็นผู้ครอบครองห้องประชุม”

จากคนใส่หมวกดำ สู่คนใส่หมวกขาว

เราต้อง坦诚: ในจุดสูงสุด Jump Crypto เหมือนอยู่ในหนัง The Wolf of Wall Street โดยแท้จริง เขาไม่ใช่แค่มาร์เก็ตเมกเกอร์ธรรมดา — เขาควบคุมกลยุทธ์อย่างแม่นยำบน LUNA, SOL และ UST โดยทำให้นึกถึงการควบคุมระดับควอนตัม

ฉันจำได้ว่าขณะเกิดภาวะพังถึงของ Terra เราตรวจวัดการไหลของคำสั่งซื้อขายของเขา — พฤติกรรมสะอาดและสมมาตรเหมือนวางแผนกลาง

ไม่มีความโกลาหลเลย มีแต่วินัยและความควบคุม

แต่นี่แหละที่ทำให้มันน่าสนใจ: เมื่อ FTX พัง และกฎระเบียบเร่งเข้ามา (RIP Kariya) Jump ไม่มองหาทางหนี — เขาเลือกเปลี่ยนแนวทาง currently they went underground—literally developing code no one saw until it was live.

ก่อสร้างเส้นทางใหม่อย่างแท้จริง (ไม่ใช่ว่าแค่วิ่งบนเส้นทาง)

เข้าสู่ Firedancer — คล라이เอนต์ Solana ที่เร็วจน CPU จะร้องไห้ออกมา โดยเฉพาะในระดับทฤษฎีสามารถรองรับถึง 1 ล้าน TPS หากทดสอบจริงแล้วพบว่ายังคงเหนือกว่าระบบเดิมมากแม้อยู่ในระยะทดลอง currently they went underground—literally developing code no one saw until it was live.

“This isn’t incremental improvement—it’s architectural disruption.”

ทำไมบริษัทที่เติบโตจากการไล่อาร์บิตราจจะสนใจเครื่องประมวลผลแบบโอเพ่นซอร์ส? เพราะเขาทราบแล้วว่า หากโครงสร้างพื้นฐานไม่มีประสิทธภาพ ก็จะไม่มีรถไฟใดสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วหรือปลอดภัยแน่นอน

during Solana Accelerate 2025, I sat through their keynote on latency reduction with actual engineers—not salespeople—and realized something profound: The biggest threat isn’t bad actors anymore—it’s poor design. The old model relied on opacity; this one thrives on transparency through code audits, distributed validation, an open contribution culture—with real impact metrics visible on-chain.

HashSleuth

ไลค์99.6K แฟนคลับ4.96K