ธนาคารถูกฟ้องฉ้อโกงคริปโต 20 ล้านดอลลาร์

คืนที่ผมเริ่มสงสัยในความไว้วางใจ
ตอนเที่ยงคืน 2:47 น. ผมจ้องมองกราฟ ETH เหมือนจะพบคำตอบจากมันได้ หากจ้องนานพอเพียง เมื่อนั้นโทรศัพท์สั่น—แจ้งเตือนจาก Glassnode: “ตรวจพบธุรกรรมผิดปกติ” การกระทำเหล่านี้อาจธรรมดาสำหรับผมแต่กลับไม่ใช่กับธนาคาร?
ช่วงเวลานั้นทำให้นึกถึงสิ่งหนึ่งที่น่ากลัว: เราได้ถ่ายโอนความไว้วางใจให้กับสถาบันที่ไม่มีโครงสร้างรองรับความวุ่นวายของโลกกระจายศูนย์
เรื่องเล่าดิจิทัลสะเทือนใจกว่าหนังสยองขวัญ
ชายคนหนึ่งในนิวยอร์กฟ้องซิตี้กรุ๊ปจากการโจรกรรมคริปโต มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ โดยเหยื่อตกเป็นเหยื่อแพลตฟอร์ม NFT เปลือยๆ ‘OpenrarityPro’ จากกลุ่มโจรออนไลน์ใช้โปรไฟล์เฟซบุ๊กปลอมพร้อมภาพถ่ายขโมยและเรื่องราวจำลอง
ข้อเท็จจริงสำคัญ? ซิตี้กรุ๊ปดำเนินการโอนเงินผิดปกติกว่า12 ธุรกรรมรวมกว่า4ล้านดอลลาห์ โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เพียงแค่มีเงินไหลผ่านระบบเหมือนน้ำไหลผ่านคอนกรีตแตก
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นักเล่นเกมแต่อยู่นอกเหนือจากความประมาทของสถาบันในยุคที่ขอบเขตทางการเงินละลายไปแล้ว
เหตุผลทำไมธนาคารยังตามไม kịpโลกดิจิทัล
เราขอพูดตรงๆ: ส่วนใหญ่ธนาคารยังมองบล็อกเชนมือใหม่อย่างเขียนภาพโบราณ มันเข้าใจการโอนเงินแบบเดียวกันแต่มองไม่เห็นกระแสเงินระหว่างกระเป๋า (wallet) ในเวลาเดียวกันข้ามเขตแดนโดยไม่มี KYC
แต่มันกลับคาดหวังให้มอบภาระหน้าที่ปกป้องผู้ใช้งานจาก ‘แวมไพร์ดิจิตอล’ — คนร้ายแฝงอารมณ์, อารมณ์โดดเดี่ยว และการหลอกลวงโดยอัลกอริธึม
ซิตี้กรุ๊ปกำลังถูกกล่าวหาว่าละเมิดข้อกำหนด AML หากพวกเขาเคยระบุธุรกรรมเหล่านี้เป็นความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเมื่อดูจากรูปแบบการทำธุรกรรมเล็กๆ ก่อนถอนใหญ่อย่างรวดเร็ว ก็อาจหยุดเหตุการณ์ได้แล้ว
แต่น้ำเสียงของความเงียบกลับบอกมากกว่าโค้ดใดๆ
พฤติกาเนิดผลกระทบนอกเหนือจากจำนวนเงินหายไป
กรณีนี้ไม่ใช่อื้อฉาวเพียงแค่นำไปสู่การสูญเสียทรัพยากรทางการเงินเท่านั้น มันเกี่ยวข้องกับ การสลายเอกสารทางไซเบอร์, บาดแผลทางการเงิน, และ ภาพจำแห่งความปลอดภัย
สำหรับหลายคนที่เพิ่งเข้ามาในโลกคริปโต โดยเฉพาะชุมชนเปราะบางที่มองหาอิสรภาพทางการเงิน การ promise การหลุดพ้นจาก ‘ประตูควบคุม’ เป็นแรงผลักสำคัญ หากประตูควบคุมเองกลับพลาดอย่างชัดเจน…เราจะหันไปหาอะไร?
ผมเคยเห็นโพสต์ถามว่า: “ฉันผิดไหมเพราะเชื่อใครบางคนออนไลน์?” คำตอบควรจะไม่มีคำว่า ‘ใช่’ เพราะคำตอบควรเป็น: ‘เราจำเป็นต้องปรับปรุงระบบทาเพื่อให้มีประสานงาน’ และประเด็นเรื่องความรับผิดชอบ—ไม่ว่าจะเป็นพวกคนหลอกหรือสถาบันที่ควรคอยปกป้องเรา
จะทำอย่างไร? พยายามสร้างความแข็งแรง เช่นเดียวกับเครื่องหมายแรกๆ
เอาละครึ่งหนึ่งของผมอยู่ระหว่างสองโลก—ตรรกะเย็นชาของโมเดลดาวเคราะห์และมนตรามืดน้ำตาของมนุษยธรรม:
- ตรวจสอบหลายชั้นคราวเชื่อมโยงโครงการใด ๆ (แม้อยู่ในสายตาสวย)
- กรอกรายงานพฤติกาเนิดแปลก ๆ เวลายังพอเปลี่ยนมือได้ — การเฝ้าระวังของคุณอาจหยุดคนตกเป็นเหยื่ออีกคนได้
- และสนับสนุนมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อแทรกแซง AML เข้าไปในโครงสร้าง DeFi—not just compliance theater. เนื้อหาจริงของการปลอดภัยไม่ง่ายในการตรวจเจอตลอดเวลา; มันคือการทำงานสร้างความสามารถทนทาน ก่อน จะเกิดภัยพัดพาลงมา. The next time you seeคำเสนอราคาแววใสบนโซเชียลมีเดียชวนให้มีผลตอบแทนเร็ว…หยุด.ถามตนเอง: “ใครได้อะไรหากฉันไม่มอง?” และใช่ว่า ผมจะนอนเฝ้า K-line อีกตอนสามโมงเย็น…แต่วางตาให้มองชัดเจนคราวหนึ่ง
VoidLuna7x
ความคิดเห็นยอดนิยม (4)

क्या सिटीग्राम को $20M स्कैम के लिए दोषी माना जा सकता है?
2:47 AM पर ETH चार्ट देखते-देखते मुझे समझ आया — बैंकों को ‘डिसेंट्रलाइज्ड चॉस’ में भरोसा करने की मंजिल है!
$4M की 12 सस्पिशियस ट्रांज़फर… पर Citigroup? सुनने में ही प्रमाण!
इसके पहले मैंने AI-चलित NFT स्कैम को ‘गलती’ समझा, अब पता चला — भ्रष्टता के पहले ‘अवगुण’ होते हैं!
💡 #एडवाइज़र_आउटपुट
अगर कोई ‘OpenrarityPro’ वाली प्रोफ़াइल तुम्हें DM में ₹30L/दिन की ‘ऑफ़र’ दे — थोड़ी दिमाग में खटखट।
🤔 प्रश्न:
क्या AML प्रक्रिया हमेशा प्रभावशाली है? यह आधुनिक ‘डिजिटल सुरक्षा’ कि पहचान? 😅
#बैंक #स्कैम #Citigroup #DeFi #CryptoHacks
आपको क्या लगता है? 👇 #commentsection开战!

Когда банк притворяется слепым
2:47 утра — я снова смотрю на график ETH. Банк? Спит. А $4 млн уже утекли через трещины в системе, как вода из старого крана.
Citigroup получил $20M на блюдечке от мошенников с фейковыми фото и вымышленным прошлым. И что? Ни одного красного флага! Как будто они думают, что блокчейн — это древние иероглифы.
Виноват не только скаммер
Но и банк, который не проверил транзакции по паттерну: маленькие депозиты → огромный вывод. Тишина громче кода!
А мы? Пока верим в «открытое будущее»
Молодые люди спрашивают: «А я виноват?» Нет! Виновны те, кто обещал безопасность — и не обеспечил её.
Теперь я смотрю на K-линии с новыми глазами… и всё ещё включаю монитор ночью — но теперь с защитой от обманщиков.
Вы как думаете: кто должен платить за доверие? Комментарии — включаем! 💬

Als ich um 2:47 Uhr nochmal auf meinen ETH-Chart starrte, dachte ich: ‘Vielleicht verrät mir das Ding ja den nächsten Crash.’ Doch dann kam die Glassnode-Warnung – und plötzlich wurde mir klar: Wir vertrauen Banken wie Citigroup mit dem Vertrauen eines Kindes auf einen Wachmann im Dämmerlicht.
$20 Millionen weg? Kein Alarm? Kein Zucken? Nur Wasser durch undichte Rohre – und eine Bank, die Blockchain wie hieroglyphische Schrift liest.
Also ja: Wenn Citigroup jetzt sagt ‘Wir haben nichts gemacht’, dann lacht mich der nächste DeFi-Punk aus. Wer ist denn eigentlich der echte Scammer?
P.S.: Wer kennt noch so ein System? Kommentiert eure besten ‘Nicht-Alarm’-Geschichten – ich schreibe sie in mein nächstes Krypto-Tagebuch! 😎

So Citigroup got sued for $20M… and all I did was stare at an ETH chart at 3 a.m. Like a zen monk who lost his wallet to a crypto ghost. Turns out trust wasn’t the issue — it was their AML protocol running on autopilot while sipping Earl Grey tea. Who benefits? Not you. Not me. Definitely not the bank’s intern who thought ‘OpenrarityPro’ was real estate. If you see this GIF: a T-Rex wearing socks made of smart contracts — pause… then ask: Was it my fault? …Nope.
Still watching K-lines? We need better systems.
- สกุลเงินดิจิทัลกับอำนาจการเงินโลก
- Tether และ Rumble: พันธมิตรกล้าเปลี่ยนการใช้ Stablecoin ในโซเชียลมีเดีย
- การแข่งขันใบอนุญาตสเตเบิลคอยน์ฮ่องกง: ทำไมมีเพียงไม่กี่รายที่รอด
- ระบบให้คะแนนสเตเบิลคอยน์ของไวโอมิง: ทำไม Aptos ถึงชนะ Ethereum
- Libra: นวัตกรรมบล็อกเชนและการเติบโต
- กฎระเบียบ Stablecoin: เปรียบเทียบ EU, UAE และสิงคโปร์